สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดกองกลางแห่งเกาะอังกฤษ ของสโมสร
ลิเวอร์พูล
สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันทีมแห่งค่าย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีชื่อเต็มว่า สตีเว่น จอร์จ เจอร์ราร์ด เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองวิสตัน เมอร์ซี่ย์ไซด์ ลิเวอร์พูล เข้าสู่เส้นทางลูกหนังจากการลงเล่นให้กับโรงเรียนคาร์ดินัล ฮีแนน คาธอลิก ไฮจ์สคูล ในเวสต์ดาร์บี้ เมืองลิเวอร์พูล
โดยในตอนที่อายุ 8 ขวบ เขาเป็นสมาชิกของทีม ลิเวอร์พูล วายทีเอส ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม “หงส์แดง” ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 1997 โดยได้รับเงินค่าจ้างก้อนแรกที่ 700 ปอนด์ (ประมาณ 44,100 บาท) ต่อสัปดาห์
เจอร์ราร์ด ได้ชื่อว่าเป็นกองกลางพลังไดนาโม โดยเขาเริ่มแจ้งเกิดมาในตำแหน่งปีกขวา ก่อนที่จะขยับมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ด้วยความเป็นนักเตะที่มีความสามารถทั้งการช่วยเกมรับ และการเติมเกมรุก แถมยังยิงไกลได้แม่นยำ ทำให้ เจอร์ราร์ด จึงค่อยๆ เปลี่ยนบทบาทของตัวเองมาเป็นกองกลางเชิงรุกไปแล้ว
เจอร์ราร์ด ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมเช่นเดิม แต่หน้าที่ที่เขาได้รับเพิ่มขึ้นก็คือ การสวมปลอกแขนกัปตันทีมครั้งแรกอย่างเป็นทางการของดาวเตะวัยเพียง 23 ปี ในขณะนั้น โดยเขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทน ซามี่ ฮูเปีย กองหลังชาวฟินแลนด์ ในเดือนตุลาคม 2003 เนื่องจากหวังให้ เจอร์ราร์ด โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
และมันก็ได้ผลทีเดียวเมื่อ เจอร์ราร์ด กลายเป็นผู้เล่นที่คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้เสมอ ทั้งการทำงานหนักในสนาม และการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนร่วมทีม โดยในฤดูกาล 2003/2004 เจอร์ราร์ด ที่ต้องคอยไล่ตัดเกมรุกของคู่ต่อสู้ด้วยนั้น โดนใบเหลืองไปแค่ 2 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เล่นบอลอย่างขาวสะอาดมากคนหนึ่ง
เจอร์ราร์ด เข้าใกล้กับความจริงที่เขาจะสามารถได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในเสื้อสีแดงเพลิงได้อยู่แล้วเขามีส่วนร่วมอย่างมากในการพา ”หงส์แดง” จบในอันดับที่ 2 ของตาราง แต่อย่ากระนั้นเลยมันก็เป็นเพราะเขาเองเหมือนกันที่ไปพลาดโยนถ้วยแชมป์ให้หลุดมือไปในเกมที่พบกับเชลซี
ในเกมนี้ถือเป็นเกมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ กัปตัน ผู้นี้เลยก็ว่าได้ แต่เขาเองกลับดันไปลื่นในจังหวะที่ฟลานาเกน ทุ่มคืนหลังมาให้ จนโดนเดมบ้า บา ฉกเข้าไปยิง ดับความหวังทั้งหมดที่ฤดูกาลนี้พวกเขาได้สร้างมันมาเองกับมือ ฤดูกาลนี้เจอร์ราร์ดยิงไปทั้งหมด 13 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์ แถมยังมีชื่อเข้าชิงแข้งยอดเยี่ยม PFA แต่ก็แพ้เพื่อนร่วมทีมของเขาเองอย่าง หลุยส์ ซัวเรซไป
เส้นทางกับทีมชาติอังกฤษ
นอกจากจะเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล แล้ว เจอร์ราร์ด ยังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ อีกด้วย โดยเขาลงเล่นให้กับทีม “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2000 ซึ่งเป็นเกมที่ อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ เควิน คีแกน พบกับ ยูเครน
และเขาเคยถูกเรียกติดทีมอังกฤษ ชุดลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 ที่ประเทศ เบลเยี่ยม และ ฮอลแลนด์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่อาจยึดตำแหน่งตัวจริงได้
อย่างไรก็ตาม 2 ปี ให้หลัง เจอร์ราร์ด ก็สามารถทำประตูแรก ในทีมชาติอังกฤษ ได้ในนัดที่ “สิงโตคำราม” บุกไปถล่มเอาชนะ เยอรมัน 5-1 ในฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซนยุโรป โดยแมตช์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2001
และได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดนัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ พร้อมกับพาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก ปี 2002 ที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ได้สำเร็จ แต่ทว่า เขาก็โชคร้าย ต้องถอนตัวออกจากทัพในทีมชุดนั้น เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวนที่โคนขาหนีบ จนต้องเข้ารับการผ่าตัด
มาถึง ในศึกยูโร 2004 ที่ประเทศ โปรตุเกส เจอร์ราร์ด ได้กลับมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในการทำศึกทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลรายการใหญ่ๆ อีกครั้ง โดยครั้งนี้ เขามีส่วนสำคัญทำให้ทีม
ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ทว่า ก็ต้องตกรอบไป หลังจากดวลจุดโทษแพ้ให้กับ ทีมเจ้าภาพ ไปอย่างน่าเสียดาย และอีก 2 ปี ถัดมาในฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย ที่เยอรมัน เจอร์ราร์ด มีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานก่อนที่ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด ก็กลับมาฟิตสมบูรณ์ได้ทันเวลา และช่วยพาทีมอังกฤษ ทำผลงานเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ โดยไปพบกับ โปรตุเกส และเกมก็ยืดเยื้อจุดถึงการดวลจุดโทษ ซึ่ง เจอร์ราร์ด ก็ต้องฝันร้าย เมื่อเป็น1 ใน 3 ผู้เล่นอังกฤษ ที่ยิงไปติดเซฟของ ริคาร์โด้เปไรร่า
ผู้รักษาประตูของทีม ฝอยทอง และกลายเป็นการปิดฉากเส้นทางของอังกฤษในฟุตบอลครั้งนี้ และ เจอร์ราร์ด ก็คว้าดาวซัลโวสูงสุดของทีม ไปครอง ที่ 2 ประตู
เจอร์ราดได้รับเลือกให้เป็นรองกัปตันทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของสตีฟ แม็คคลาเรน อังกฤษพ่ายต่อโคเอรเชีย และรัสเซีย มีผลทำให้กระเด็นตกรอบคัดเลือกยูโร2008ไปอย่างเจ็บปวด ปัจจุบันทีมชาติอังกฤษแต่งตั้ง ฟาบิโอ คาเปลโล่ มากุมบังเหียนแทนที่ สตีฟ แม็คลาเรน และกำลังไปได้สวย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรป
เวิลด์ คัพ 2014 เจอร์ราร์ด พาขุนพล ”ทรี ไล อ้อนส์” มายังประเทศบราซิลด้วยความหวังว่าอย่างน้อยก็ผ่านรอบแรกไปให้ได้ แต่ผลที่ออกมามันกลับย่ำแย่กว่าที่คิด อังกฤษแพ้ 2 และเสมอ 1 มีเพียง 1 คะแนน กระเด็นตกรอบไปตั้งแต่เกมที่ 2 ของการแข่งขัน
แถมเจอร์ราร์ด ยังคงมีความผิดพลาดของเขาเองให้ต้องเก็บไปเจ็บช้ำหัวใจอีก ในเกมที่พบกับ ”จอมโหด” อุรุกวัย ขณะที่เกมเสมอกันอยู่ 1-1 เจอร์ราร์ด โหม่งสกัดบอลผิดเหลี่ยมไปเข้าทาง ซัวเรซ เก็บตกบอลหลุดเดี่ยวไปยิงผ่านโจ ฮาท เข้าไปส่งอังกฤษกลับบ้านก่อนใครเพือน แถมยังมีกระแสข่าวออกมาว่า กัปตัน รายนี้อาจจะวางมือจากทีมชาติแล้วก็เป็นได้
ชีวิตส่วนตัว
ในวันที่ 29 ธันวาคม 2006 เจอร์ราร์ด ได้รับชั้นยศ เอ็มโอบี (Member of the Order of the British Empire) จาก พระราชินี อลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่วงการกีฬาของอังกฤษ
ติดตาม ประวัตินักฟุตบอล เพิ่มเติม
ขอขอบคุณแหล่งข่าวข้อมูล Siamliverpool