หนึ่งปีผ่านไป: เรื่องเล่าอินไซด์จากเกมลิเวอร์พูลชนะบาร์เซโลนา 4-0

หนึ่งปีผ่านไป:
หนึ่งปีผ่านไป:

หนึ่งปีผ่านไป: เรื่องเล่าอินไซด์จากเกมลิเวอร์พูลชนะบาร์เซโลนา 4-0

ปีเตอร์ คราเวียตซ์ เพิ่งได้ยินเสียง

“ผมเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนตัว และผมพูดกับโจ โกเมซ และทันใดนั้นทั้งสนามก็ระเบิด!” เขากล่าวกับ Liverpoolfc.com.

“ผมคิดว่า ‘อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนเฮจากบอลที่ตุงตาข่าย!’ ชัดเจนว่ามันต้องเป็นประตูที่ดี แต่พูดตามตรง ผมไม่ทันเห็น!”

ผู้ช่วยผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลย้อนรำลึกถึงตัวเขาเองในจังหวะ ‘ลูกเตะมุมอันโด่งดังของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์’

“…ดิว็อค โอริกี วิ่งออกมา และเราน่าจะทำประตูที่สี่”

ในการฉลองครบรอบหนึ่งปีจากเกมลิเวอร์พูลชนะบาร์เซโลนา 4-0 Liverpoolfc.com ได้จับคราเวียตซ์มาพูดคุยเกี่ยวกับความทรงจำในค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในแอนฟิลด์ โดยมือขวาของเจอร์เก้น คล็อปป์จะมาเปิดเผยแบบอินไซด์ถึง ‘เกมสร้างประวัติศาสตร์’…

ก่อนอื่นพีท คุณจำอะไรได้บ้างเกี่ยวกับการเตรียมตัวลงเล่นเลกที่สอง

มีเรื่องราวมากมาย! แน่นอนว่ามันเป็นเกมแห่งความทรงจำ และหลังจากนั้นเรารู้ว่ามันเป็นเกมที่สร้างประวัติศาสตร์

ทุกอย่างเริ่มต้นจากเกมในบาร์เซโลนา ที่ผมเชื่อจริงๆ ว่าเราเล่นได้ดีมาก เกมการเล่นดีจริงๆ แต่เนื่องจากคุณภาพของบาร์เซโลนา เราถึงแพ้ 0-3

นี่คือผลการแข่งขันที่น่าเหลือเชื่อ เราเล่นได้ดี เรามีทุกอย่าง สร้างสรรค์โอกาสมากมาย แต่ทำประตูไม่ได้ และพวกเขาทำประตูได้จาก 3 จังหวะที่เกือบจะไม่มีอะไร

หลังจากที่เสียประตูที่สาม สำหรับเราบนม้านั่งสำรองเราน่าจะต้องพยายามทำหนึ่งประตู แต่หลังจากนั้นกลายเป็นว่าโชคดีมากๆ เพราะว่าเราน่าจะเสียหนึ่งหรือสองประตูจากจังหวะโต้กลับ และบาร์เซโลนาน่าจะทำประตูที่สี่หรือห้าของพวกเขา

นั่นคือช่วงเวลาที่กลายเป็นอะไรที่แปลกสุดๆ ที่เราแพ้ 0-3 แล้วเราคิดว่า ‘เราเล่นได้ดี’ และเราอาจจะแพ้ 4-5 ลูกไปแล้ว! แต่ค่อนข้างชัดเจนหลังเกม เราในฐานะสตาฟโค้ช มีความรู้สึกว่า ‘เอาเถอะ เราน่าจะได้อะไรมากกว่าจากเกมนี้’ และเราเห็นไอเดียดีๆ ของเรา

เราบีบให้บาร์เซโลนาต้องเล่นในหลายๆ ทางที่แตกต่างออกไป ซึ่งพวกเขาน่าจะไม่ได้ทำสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำ พวกเขาไม่สามารถยึดแผนการเล่นของพวกเขา ซึ่งเราเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แน่นอนว่าสำหรับพวกเขา

นี่คือความรู้สึกหลังจบเกมไปสองนาที และกับประสบการณ์ที่ได้นิดหน่อย กับเกมในรอบน็อกเอาท์ของยูโรเปียน คัพ มันยังไม่จบจนกว่าเสียงนกหวีดสุดท้ายจะดังขึ้น ซึ่งทุกอย่างยังคงเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเกมที่สองในบ้าน และที่แอนฟิลด์ นี่คือความรู้สึกที่เรามีหลังจากเสียงนกหวีดยาว

ภาพประกอบ : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และหลุยส์ ซัวเรซ ดวลกันที่คัมป์ นู

ดังนั้นในขณะที่เราไม่อยากจะพูดว่าสำหรับการเตรียมตัวเพื่อเลกที่สองเป็นเรื่อง ‘ง่ายๆ’ มันเป็นแบบ ‘ลุยเลย มาลองดู’

เรารู้ว่าเราวางแผนได้ดี เรารู้ในเรื่องนี้ว่าสำหรับบาร์เซโลนามันจะยากกว่าที่พวกเขาคิดถึง หรือจะจินตนาการในเวลานั้น ดังนั้นเราต้องทำงานในการหาทางแก้อย่างแท้จริง ความคิดของเราเป็นแบบ : ‘ลุยเลย เรายังเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เรารู้ว่ามันเป็นไปได้ เรารู้ว่าเราสามารถพัฒนาต่อไปในเกมนี้’
เรารู้ว่ามันจะยากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเรายังคงต้องรับมือกับพวกเขา และพวกเขาจะคิดว่าต้องยิงหนึ่งหรือสองประตู และมันจะจบ และเมื่อเป็นแบบนั้นเราต้องยิงประตูมากมาย แต่มันยังเป็นเรื่องน่าสนใจ เป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย

เรามองโลกในแง่ดี และเป็นบวกก่อนเกมมากกว่าที่ใครจะคาดคิด และนี่คือความรู้สึกของผม ‘ลุยเลย ก็มาสิครับ เรารู้ว่ามันเป็นไปได้ เรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และเรารู้ว่าเกมยูโรเปียนมีกฎเฉพาะที่พิเศษจริงๆ’

ทั้งสองทีมยืนเรียงแถวก่อนเกมเลกที่สอง

แล้วหลังจากนั้นเลกที่สอง

จุดเริ่มต้นของเกมเป็นบวกมากๆ สามประสานในแดนหน้าของเราในวันนั้น ดิว็อค โอริกี, เซอร์ดาน ชากิรี และซาดิโอ มาเน่ พวกเขาเล่นได้น่าเหลือเชื่อมาก ไอเดียในเกมนั้นเป็นแบบ ‘อย่าปล่อยให้บาร์เซโลนาทำสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำ บังคับพวกเขาให้ทีมเรื่องที่แตกต่างออกไป’

แน่นอนว่าทุกคนบนโลกรู้ว่าบาร์เซโลนามีดีแค่ไหนเมื่อพวกเขาได้ทำเกม แม้ว่าคุณจะพยายามกดดันพวกเขา พวกเขาจะพยายามใช้ช่องว่างที่พวกคุณเปิดให้ในการประสานงาน และช่วยให้ปล่อยให้เมสซีเล่นบอล

ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนไอเดีย ดังนั้นการเพรสซิ่งพวกเขา ทำให้พวกเขาอยู่ภายใต้ความกดดัน บีบให้พวกเขาเล่นบอลยาวเยอะๆ และหลังจากนั้นเมื่อบอลอยู่ในอากาศ ใช้ข้อได้เปรียบของเราในจุดนี้ในการแย่งบอลจังหวะแรก และจังหวะที่สอง

นั่นคือวิธีทีเราอยากจะเข้าสู่เกม และหลังจากนั้นเราทุกคนรู้ว่าเรามีดีแค่ไหนถ้าเรามีบอล และมันเป็นไปได้สำหรับเราในการสร้างสรรค์โอกาส และสำหรับเราที่จะทำประตู นั่นคือไอเดีย

เราทำประตูผมเชื่อว่าหลังจาก 6-7 นาทีแรก และมันยังคงเป็น 1-0 ในช่วงพักครึ่งเวลา บาร์เซโลนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมสซี เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และเรามีอาลีเฝ้าเสาที่ต้องเซฟสาม, สี่, ห้า, หกครั้ง!

หลังจากนั้นมันเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในช่วงพักครึ่งที่เราน่าจะพูดว่า ‘โอเค มันเป็น 1-0 เรายังต้องทำอีกอย่างน้อย 2 ประตูในครึ่งเวลาหลังจนกว่าจะถึง 90 นาที’ ที่เราน่าจะเปิดตัวอย่างในแง่ดีหนึ่ง, สอง หรือสามคลิปจากครึ่งแรกเพื่อสนับสนุนไอเดียนี้ ‘ใช่ เด็กๆ เรามาถูกทาง พยายามทำจุดนั้นจุดนี้ มีจังหวะเหล่านี้ที่เราน่าจะจบได้ยิงจากเกมรุกของเรา มองหาพื้นที่ตรงนี้ เราสามารถครอสเข้าไป’ เป็นต้น

ผมจำชัดเจนถึงคลิปที่เราปิด แต่ผมจดจำข้อความที่เราถ่ายทอดให้กับนักเตะในช่วงพักครึ่งคือ ‘พยายามทำต่อไป’

‘จินี่คำราม’ ภาพการฉลองประตู 3-0 ในค่ำคืนนั้น

เราถูกบังคับให้เปลี่ยนตัวเช่นกัน เพราะว่าร็อบโบ้บาดเจ็บ และเราส่งจินี่ลงเล่น เราส่งจินี่ลงไปคำราม! คุณน่าจะเห็นในใบหน้าของเขา ถ้าคุณรู้จักเขาคุณจะคิดว่า ‘อู้ เขากำลังร้อนแรง! จินี่ร้อนแรงมาก! และเหมือนกับที่เราเห็น เราร้อนแรงมาก! เกมดำเนินไป และมีสองสามจังหวะที่เราทำไปสองประตู

นี่คือช่วงเวลาที่คุณน่าจะเห็นจาก 10-15 นาทีถัดไปที่นักเตะบาร์เซโลนาช็อก สิ่งทีเกิดขึ้นที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน

แน่นอนว่าผู้ชมคึกมาก และบรรยากาศน่าจะไม่น่าเชื่อที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ ผมเคยผ่านประสบการณ์มาสองสามเกม แต่นี่คือบรรยากาศที่ไม่น่าเชื่อ

แล้วมันก็น่าสนใจ เพราะทั้งสองทีมเหนื่อยล้า เราทุ่มเททุกอย่างตลอด 75 นาทีแรก บาร์เซโลนาตระหนักดีว่า ‘โอเค เอาเถอะ มันเป็นสถานการณ์แย่ๆ ที่เราอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าเรายิงได้หนึ่งประตู ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี’ ดังนั้นพวกเขาจึงบุกขึ้นมานิดหน่อย และพยายามมากขึ้น ซึ่งเราต้องตั้งรับ และพยายามจะยิงประตู

หลังจากนั้นกับลูกเตะมุมที่โด่งดังของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์! ดิว็อค โอริกี ลงมา และเราน่าจะทำประตูที่สี่ได้ซึ่งพูดตามตรงผมไม่เห็น! ผมเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนตัว และผมกำลังพูดกับโจ โกเมซ และทันใดนั้นทั้งสนามก็ระเบิดออกมา! ผมคิดว่า ‘อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนเฮจากบอลที่ตุงตาข่าย!’ ชัดเจนว่ามันต้องเป็นประตูที่ดี แต่พูดตามตรง ผมไม่ทันเห็น!”

มันเป็น 4-0 ซึ่งผมเชื่อว่าเหลืออีก 10-12 นาทีก่อนจะเข้าช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เราต้องทุ่มเททุกอย่างลงไปในสนาม และผมแค่คิดว่า ‘โอเค ลุยเลย ปล่อยให้มันเกิดขึ้น!’ ผมสงบ(หลังจากประตูที่สี่) ผมไม่รู้ว่าทำไม

ผมเห็นบาร์เซโลนามีโอกาสทำประตู แต่กับบรรยากาศในสเตเดียม วิธีที่เด็กๆ เล่น และตั้งรับ และความคลั่งไคล้ของพวกเขา ผมสงบ และมั่นใจ เพราะว่านี่คือฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกๆ คนรอบตัวผม ผมรู้สึกว่า ‘โอเค มันกำลังจะเกิดขึ้น’ และมันเกิดขึ้น ดังนั้นมันเป็นเกมที่ดี

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ปะทะกับลิโอเนล เมสซี ที่แอนฟิลด์

ข้อความในช่วงพักครึ่งแตกต่างจากสถานการณ์ปกติหรือไม่? ลิเวอร์พูลนำอยู่ 1-0 และเล่นได้ดีมาก แต่สกอร์รวมยังเป็น 1-3 ดังนั้นจะต้องวิเคราะห์ และเสนอแนะนักเตะแบบระมัดระวังน้อยลงหรือไม่
ทุกอย่างมันเกี่ยวกับภาพรวม สิ่งที่เป็นสถานการณ์โดยรวม วิธีการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างไร และผมรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ ที่เราบอกว่า เราตั้งรับ เพราะว่าเราอยากจะทำประตู

ยิ่งคุณตั้งรับดีขึ้น คุณยิ่งเล่นเกมรุกได้ดีขึ้น มันเป็นแนวคิดพื้นฐานที่คุณต้องแย่งบอลกลับมาแทนที่จะรอ แทนที่จะแค่ตั้งรับหน้าปากประตูของคุณ หรือยืนรับลึกไม่ว่าพวกเขาจะยิงประตูได้หรือไม่ นี่คือแนวคิดพื้นฐานของเรา

เราพยายามจริงๆ ที่จะแย่งบอลกลับมา และนั่นคือสิ่งที่มีอิทธิพลกับทุกอย่างในทันที และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบาร์เซโลนา คุณต้องไม่รอลึก คุณต้องพยายามที่จะครองบอลให้เหนือกว่า ดังนั้นเราต้องพยายามบีบให้พวกเขาทำเรื่องที่พวกเขาไม่อยากจะทำ เรื่องที่พวกเขาไม่คุ้นเคยที่จะทำ

นี่คือสิ่งที่เราพยายามตลอด 180 นาที และเรารู้สึกว่าเรามีวิธีการเล่นที่ดี มันฟังดูแปลกๆ ถ้าคุณแพ้เกมแรก 0-3 แต่กับวิธีการที่เราเล่น และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด วิธีการที่คุณเล่น

แน่นอนว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ คุณอาจจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่มีเหตุผลบางอย่างที่คุณยิงได้ และทำให้คุณแพ้ เรามีประสบการณ์อย่างนั้นกับแอตเลติโก้ มาดริดในฤดูกาลนี้ เราเล่นได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อในเกมที่แอนฟิลด์

เกมนี้สำหรับผมเป็นเกมที่ดีที่สุดในช่วงประมาณ 6 เดือนหลังสุด และเราปรับปรุงขึ้นอย่างมากในระหว่าง 2 เกม แต่ท้ายที่สุดคุณอาจจะแพ้จากความผิดพลาดหนึ่งหรือสองครั้ง หรือหนึ่งหรือสองจังหวะที่ไม่เข้าทางคุณ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่พ้นฐาน และเรื่องที่ชี้เป็นชี้ตายคือฟอร์มของคุณ และคุณทำเพื่อสิ่งนี่ นี่คือไอเดียสำหรับเกมกับบาร์เซโลนา ด้วยฟอร์มที่ดีของคุณ(ในเลกแรก) พยายามทำเรื่องต่างๆ ที่เราทำมาก่อน นี่คือข้อความ แค่สนับสนุนเรื่องนี้

มันไม่ใช่แบบ ‘ลุยเลย ทุกคนวิ่งขึ้นหน้า และพยายามจะทำประตู’ มันไม่ได้ออกมาอย่างนั้น คุณต้องสร้างพื้นบาน และให้พื้นที่ตัวเอง และกับบาร์เซโลนา แน่นอนว่าในส่วนของเกมรับเป็นเรื่องที่เราต้องเก็บคลีนชีตให้ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะพังทลาย ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราพยายามจะทำ”

คุณพูดถึงบรรยากาศคึกคักที่แอนฟิลด์ค่ำคืนนั้น คุณมองย้อนกลับไปว่าทุกอย่างลงตัวหมดทั้งแท็กติก ฟอร์มของทีม กำลังใจจากแฟนๆ ทุกอย่างรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่

ใช่ อย่างแน่นอน เรารู้เรื่องที่คุณทำทุกอย่างถูกต้อง และเล่นได้ดีแล้ว แต่ก็ยังแพ้ได้ ชัดเจนว่าเรามีสถานการณ์ที่พิเศษ เพราะว่าความพ่ายแพ้ในเลกแรก และน่าจะเป็นคู่แข่งที่คิดว่า ‘ถ้าเรายิงได้หนึ่งหรือสองประตู มันจะเรียบร้อย’ ดังนั้นมันไม่ใช่เกมธรรมดา ต้องบอกอย่างนั้น

แต่เพราะว่าสถานการณ์พิเศษนี้ เพราะว่าบรรยากาศที่พิเศษนี้ เพราะว่าฤดูกาลก่อนที่เราเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ และแพ้มัน… การได้โอกาสนี้อีกครั้งที่เรายังคงเชื่อมั่น (และ) ยังคงรู้สึกดีไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น (เราสามารถพูดได้ว่า) เราเล่นได้ดี ดังนั้นเราจะโฟกัสไปที่ฟอร์มการเล่น

เราไม่ได้คิดไปว่า ‘เราจะชนะมัน’ เราลงเล่นพร้อมกับคิดว่า ‘ลุยเลย เรายังมีโอกาส ลองกันดู’ และเด็กๆ พวกเขาพยายามจริงๆ แล้วพวกเขาคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ ทุกๆ คนสัมผัสได้ทันที และพัฒนาการนี้เป็นเรื่องที่พิเศษที่สุด และเป็นไปได้เฉพาะในค่ำคืนยุโรป

“มันยอดเยี่ยมมาก และนั่นคือสิ่งที่ผมจดจำได้จากเกมไม่ธรรมเกมนั้น และทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันออกมาเป็นอย่างดี และเราเล่นได้ดี มันเรื่องที่ดี และพิเศษจริงๆ มันชัดเจนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกๆ วัน แต่มันเป็นสิ่งที่จะถูกจดจำตลอดไป”

 

ติดตาม   ข่าวกีฬา  เพิ่มเติม

ขอขอบคุณแหล่งข่าว liverpoolfc

 

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here