เดวิด แบคแฮม ตำนานเบอร์ 7 ของ ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของฉายา เท้าชั่งทอง
เดวิด แบคแฮม เป็นหนึ่งในนักเตะในตำนานที่มีชื่อเสียงมากของวงการฟุตบอลใน ค.ศ.นั้น เพราะชายคนนี้ทำให้วงการฟุตบอลสะท้านไปทั่วโลก และทีมที่ปลุกปั้นและแจ้งเกิดของเขาในชีวิตของเขาก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จุดเริ่มต้นของตำนาน เบอร์ 7david beckham ได้ลงเล่นในตำแหน่งทางด้านริมเส้นฝั่งขวา หรือปีกขวา ให้กับทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 1 ทศวรรษ ซึ่งเป็นช่วงที่ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ปีศาจแดง) ถือว่าเรียก david beckham ว่าเป็นตำนาน เบอร์ 7
ของทีมสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไม่ต้องลังเลเลย ถือว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมากตอนที่ค้าแข้งกับ ปีศาจแดง จากลูกยิงครึ่งสนาม ของเขา ในเกมที่แข่งกับทีม วิมเบิลดัน หลายคนยังนำคลิปลูกยิง ระดับตำนาน มาฉายซ้ำแทบจะตลอดเวลา
ถือว่าเป็นลูกยิงระดับตำนาน แบคแฮม ได้เดินตามรอยฮีโร่ในวัยเด็กของเขาอย่าง เซอร์ ไบรอัน ร็อบสัน ด้วยการเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ เขาเป็นนักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่สามารถยิงประตูได้ในฟุตบอลโลกรอบสุกท้าย 3 สมัย
จุกเริ่มต้น ของเรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นในเดือน กรกฎาคม ปี 1991 แบคแฮม ได้ขายวิญญาณของเขาให้กับปีศาจแดง เมื่อแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนหนึ่งได้เดินทางขึ้นเหนือเพื่อที่จะทำการเซ็นสัญญากับทีม แมนยู นั่นก็คือ เดวิด แบคแฮม ในวัย 16 ปี
และนั้นคือจุดเริ่มต้นของคลาส ออฟ 92 ที่คว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ แต่เขาก็ยังคงไม่ได้ลงสนามในทันทีจึงต้องรอเกมประเดิมสนามไปก่อน โดยมาเกิดขึ้นในเกมที่เปิดบ้านเจอลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 2 เมษายน ปี 1995 หลังจากที่ อังเดร แคนเซลสกี้ส์ ได้ย้ายออกไปจากทีม ทำให้เขาได้โอกาสในการลงเล่นปีกขวา แล้วเขาก็ทำผลงานได้ดีเสียด้วย
แบคแฮมทำผลงานให้กับตัวเองเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคนนี้แหละคือของจริง เพราะ เดวิด แบคแฮม สามารถยังประตูชัยในรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพที่พบกับ เชลซี ได้สำเร็จ จนส่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รองแชมป์ 2 รายการ
ปี 1996 – 1997 จากลูกยิงที่มีระยะไกลถึงครึ่งสนาม ณ สนามเชลเฮิร์สท พาร์ค ทำให้เขาได้ติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรก และฤดูกาลนี้จบลงด้วยการได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก
ตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของฉายา เท้าชั่งทอง เดวิด แบคแฮมได้ติดทีมชาติ อังกฤษที่ฝรั่งเศษเป็นเจ้าภาพ ระดับฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส และมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะตัวเขาเองไม่ได้ลงเล่น 2 เกมแรก เพราะสภาพร่างกายที่ยังไม่ฟิต สภาพร่างกายยังไม่พร้อมที่จะลงสนามให้กบทีมชาติอังกฤษในนัดแรก
ทางเจ้าตัวไม่ได้ ลง สนาม ถึง 2 นัด แต่มาได้ลงรับใช้ทีมชาติอังกฤษในนัดที่ 3 แล้วสามารถพังประตูให้กับทีมชาติ อังกฤษได้ ด้วยลูกยิงฟรีคิกสุดสวย ให้กับอังกฤษในเกมที่เจอกับโคลอมเบีย ในขณะที่เขากำลังจะได้ถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของชาติอยู่แล้ว แต่พลาดคุมตัวเองไม่อยู่ทำให้ได้รับใบแดง ออกจากสนามไป ทำให้อังกฤษเหลือเพียง 10 คน แล้วตกรอบไป ทำให้ เดวิด แบคแฮม โดนคนอังกฤษต่อว่า ว่าเป็นผู้ร้ายทำให้ ทีมชาติ ตกรอบไปในที่สุด
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ แฟนบอลทั้งประเทศรุมกล่าวโทษในตัวเขา แต่อย่างไรก็ตามแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเปิดแขนรับอยู่ และนั้นก็ทำให้เขาได้แสดงฝีเท้าอีกครั้ง จากการซัดฟรีคิกใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ 1998 – 1999 และนั้นคือการทำให้ฝันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปถึงจุดที่สูงสุด คือ ทริปเปิ้ลแชมป์
ฤดูกาลต่อมา David Beckham ได้รับชัยชนะในพรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 4 และถูกโหวดให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีอันดับที่ 2
ฤดูกาลที่ 2000 – 2001 Beckham มีส่วนสำคัญในการช่วยในการพาทีมชาติ อังกฤษ ไปเตะในฟุตบอลโลก 2002 ด้วยการทำประตูชัยสุดสวย
ฤดูกาลที่ 2002 – 2003 เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ที่เขาได้อยู่ในถิ่น ปีศาจแดง เพราะเขาได้มีปัญหากับทาง เซอร์ อเล็กเฟอร์กูสัน เพราะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้เปิดบ้านแพ้ให้กับไอปืนใหญ่ อาเซน่อล แบบคาบ้าน ทำให้ผู้จัดการทีม อย่าง เซอร์ อเล็กเฟอร์กูสัน โมโห เตะรองเท้า ไปโดนคิ้วของสุดหล่ออย่าง แบคแฮม คิ้วซ้ายแตก นั้นคือทำให้เขาตัดสินใจ ย้าายทีมในที่สุด
หลังจากนั้น แบคแฮม ก็ถูกดร๊อปเป็นตัวสำรองในเกมแชมเปี้ยน ลีก ที่ต้องพบกับเรอัลมาดริด ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวลงมา และก็สามารถทำประตูให้กับทีมไปได้ถึง 2 ประตู ซึ่งนั้นก็ไม่เพียงพอทำให้ทีมปีศาจแดงต้องแพ้ไปในที่สุด
หลังจากเกมล่าสุดที่ผ่านมา เดวิด ก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมเรอัล มาดริด และหลังจากที่คว้าเหรียญแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้เป็นสมัยที่ 5 จากลูกฟรีคิกในนัดสุดท้ายที่พบกับเอฟเวอร์ตัน ปิดฉากบทบาทการเป็นนักเตะของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ติดตาม ประวัตินักเตะ ระดับตำนาน เพิ่มเติม
ขอขอบคุณ ข้อมูลข่าวสารดีๆ Goal